หลังจากที่หลายธุรกิจหลายบริษัท ได้รับผลกระทบจากพิษของไวรัสโควิด-19 ก็ต้องเสียหายไปไม่น้อยทีเดียว โดยล่าสุดก็มีข่าวเกี่ยวกับ บริษัท พานาโซนิค ผู้ผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ว่าอาจจะย้ายฐานการผลิตจากไทย ไปประเทศเวียดนามแทน
โดยทางด้านสื่อญี่ปุ่นอย่าง นิคเคอิ เอเชียน รีวิว เว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจของญี่ปุ่นรายงานว่า
พานาโซนิค ในไทยอาจจะปิดตัวลงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ และจะย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนามแทน เพื่อเป็นการพิ่มประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นและเร็ว ๆ นี้ โรงงานผลิตของ พานาโซนิค ในไทยจะหยุดการผลิตเครื่องซักผ้า ช่วงเดือนกันยายน และหยุดการผลิตตู้เย็นช่วงเดือนตุลาคม ขณะะที่ตัวอาคารโรงงานผลิตจะทำการปิดตัวในเดือนมีนาคมปี 2564
ส่วนศูนย์การวิจัยและพัฒนาในพื้นที่ใกล้เคียงจะปิดตัวเช่นกัน ปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 800 คนที่ทำงานที่โรงงานในกรุงเทพ ก็อาจจะมีการเปิดรับสมัครออกโดยสมัครใจ และให้ความช่วยเหลือตามกฏเกณฑ์ของบริษัท
ซึ่งการย้ายไปเวียดนามนั้น เดิมที พานาโซนิค นั้นมีฐานอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว แต่หากข่าวนี้เกิดขึ้นจริง อาจทำให้ฐานผลิตที่เวียดนามที่กรุงฮานอย ขยายตัวกลายเป็นแพลนใหญ่ไปโดยปริยาย
โดยปัจจุบัน พานาโซนิค มีพนักงานอยู่ในเวียตนามราว 8,000 คน นอกเหนือจากผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่แล้วหน่วยในพื้นที่ยังผลิตสินค้าเช่น ทีวี โทรศัพท์ไร้สาย เครื่องชำระบัตร และอุปกรณ์ในภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ยังตั้งทีมคลินิกคลังสมอง หมอคลัง “เราไม่ทิ้งกัน” บริการด้วยระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ สื่อสังคมออนไลน์ธนาคารออมสิน เช่น GSB Society ซึ่งจะเชื่อมโยงข้อมูลกับเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกัน รับเรื่องเยียวยา ให้คำปรึกษา ประสานเครือข่ายเพื่ออำนวยความสะดวกให้บริการประชาชนอย่างครอบคลุม
กระบวนการที่ 2 การคืนอาชีพ ธนาคารฯ ได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่าย อาทิ มหาวิทยาลัยประชาชน สร้างงานชุมชน โครงการช่างประชารัฐ ให้ช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ผ่านเครือข่ายพันธมิตร รวมถึงมีการจัด “ตลาดนัดเราไม่ทิ้งกัน” ทั่วประเทศ
กระบวนการที่ 3 คืนความสุข โดยธนาคารฯ ได้ร่วมกับชุมชนต่างๆ ดำเนินการ ตู้คลังออมสินปันสุข ทุกชุมชน ซึ่งได้นำร่องจัดทำไปแล้วในหลายพื้นที่ และต่อไปจะดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม ออมสินดูแล ห่วงใย ไม่ทิ้งกัน สำหรับกระบวนการสุดท้าย
“ปัจจุบัน ศบค ได้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนทำกิจกรรมหรือดำเนินชีวิตได้เป็นปกติให้มากที่สุดภายใต้หลักเกณฑ์ควบคุมการแพร่ระบาด ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังได้เร่งออกมาตรการฟื้นฟู ออกมาควบคู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมนี้ เพื่อช่วยให้ประชาชนอุ่นใจได้ว่าหกต้องการความช่วยเหลือ จะได้รับอย่างแน่นอน โดยธนาคารออมสินยินดีดูแลผู้ต้องการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ด้วยมุ่งหวังให้สามารถดำเนินชีวิตฝ่าฟันผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ให้มีความเป็นอยู่อย่างปกติตามสถานการณ์โดยเร็วและเหมาะสม” ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าว
bloomberg คาด GDP ไทยหดตัวสูงถึง 6%
สำนักข่าว bloomberg รายงานการคาดการณ์และวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกท่ามกลางสภาววิกฤติไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลกว่า ปีนี้ซึ่งถือเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดในเอเชียเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การเดินทางไปยังประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวและการค้าลดลง และไทยเศรษฐกิจหดตัวถึง 6%
สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ คาดการณ์ว่าประเทศไทยปีนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อาจจะหดตัว 5% -6% ในปี 2563 ส่วนในไตรมาสที่ 2 ยังต้องคาดคะเนจากสภาวะการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้ยากที่จะคาดการณ์
การคาดการณ์ตามข้อมูลที่ผ่านมา GDP ของไทยหดตัว 1.8% ในไตรมาสแรกจากปีที่แล้วซึ่งหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ ว่าจะเฉลี่ยลดลง 3.9%
(อ้างอิงจาก สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ของปี 2562 พบว่า GDP โตอยู่ที่ 1.6% ขณะที่ไตรมาสที่ 1 2 และ 3 โต 2.9 % 2.4% และ 2.6% ตามลำดีบ ส่งผลให้ GDP ทั้งปี โต 2.4 % เทียบกับปี 2561 GDP ทั้งปีโต 4.1 %
ทั้งนี้ GDP ไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค. 2562) 1.6% เป็นตัวเลขต่ำที่สุดนับจากไตรมาส 4/2557 หรือกว่า 21 ไตรมาส หรือ 5 ปี)
เศรษฐกิจของประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวและการค้าเป็นอย่างมากซึ่งทั้งสองอย่างได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการที่ประเทศต่างๆทั่วโลกมีข้อจำกัด ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ข้อมูลอย่างเป็นทางการพบว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลดลง 74.6% ในเดือนมีนาคมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว bloomberg วิเคราะห์ว่า การส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยจะไม่ดีขึ้นจนถึงปลายปีนี้หรือปีหน้า
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป
